วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


ฟังก์ชันใน PHP

PHP เป็นภาษาตัวแปลสคริปต์ หมายความว่า language engine เรียกใช้สคริปต์ที่เขียนขึ้นโดยไม่มีขั้นตอนกลางในการคอมไพล์ หรือไปเป็นรูปแบบไบนารี สคริปต์ส่วนใหญ่ที่ใช้สร้างโปรแกรมประยุกต์เว็บอยู่ในที่เดียวกับไฟล์ HTML ตามปกติไฟล์เก็บสคริปต์จะเก็บเป็นนามสกุล .php

 

ตัวแปร ( variable )

การใช้งานตัวแปรในภาษา php

นำหน้าด้วย $ ชื่อตัวแปรต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร

 ห้ามเว้นช่องว่าระหว่างคำ

 ตัวอักษรเล็ก และใหญ่ถือเป็นคนละตัวกัน (case sensitive)

ชื่อตั้งได้ 1 - 255 ตัวอักษร

ตัวอย่าง

$var

 คำสั่งเงื่อนไขในภาษา php

คำสั่ง if

จะทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง

 ตัวอย่าง

if($a>$b) { echo "ตัวแปร a มากกว่าตัวแปร b"; }

คำสั่ง if...else

ถ้าเป็นจริง จะทำงานในส่วนของ if

ถ้าเป็นเท็จ จะทำงานส่วนของ else

 ตัวอย่าง

if($a>$b) { echo "ตัวแปร a มากกว่าตัวแปร b"; }

 else { echo "ตัวแปร b มากกว่าตัวแปร a"; }

คำสั่ง if...elseif....else

เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการมี if else ซ้อนกันหลายๆตัว

 ตัวอย่าง

if (เงื่อนไข)

 { ... }

elseif (เงื่อนไข)

 { ... }

else

 { ... }

 

ฟังก์ชันในโปรแกรมส่วนใหญ่ได้รับการเรียกคำสั่งเพื่อทำงานอย่างเดียว สิ่งนี้ทำให้คำสั่งอ่านได้ง่ายและยอมให้ใช้คำสั่งใหม่แต่ละครั้งเมื่อต้องการทำงานเดียวกัน ฟังก์ชันเป็นโมดูลเก็บคำสั่งที่กำหนดการเรียกอินเตอร์เฟซ ทำงานเดียวกัน และตัวเลือกส่งออกค่าจากการเรียกฟังก์ชัน คำสั่งต่อไปเป็นการเรียกฟังก์ชันอย่างง่าย

my_function ();

 
การกำหนดฟังก์ชันและการเรียกฟังก์ชัน

 การประกาศฟังก์ชันเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ด function กำหนดชื่อฟังก์ชัน พารามิเตอร์ที่ต้องการ และเก็บคำสั่งที่จะประมวลผลแต่ละครั้งเมื่อเรียกฟังก์ชันนี้

<?php
function function_name(parameter1,…)
{
ชุดคำสั่ง
}
?>

ชุดคำสั่งต้องเริ่มต้นและสิ้นสุดในวงเล็บปีกกา ({ }) ตัวอย่างฟังก์ชัน my_function

<?php
function my_function()

{
$mystring =<<<BODYSTRING

 my function ได้รับการเรียก
BODYSTRING;

 echo $mystring;
}
 ?>

ตัวอย่างคำสั่ง

1.คำสั่ง continue ในภาษา phpใช้สำหรับสั่งให้กลับไปเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นใหม่ ใช้ร่วมกับคำสั่งการวนลูปต่างๆ              2.คำสั่ง break ใช้สำหรับสั่งให้ออกจากการวนลูป ใช้ร่วมกับคำสั่งการวนลูปต่างๆ

การประกาศฟังก์ชันนี้ เริ่มต้นด้วย function ชื่อฟังก์ชันคือ my_function การเรียกฟังก์ชันนี้ใช้ประโยคคำสั่งนี้

my_function ();

การเรียกฟังก์ชันนี้จะให้ผลลัพธ์เป็นข้อความ "my function ได้รับการเรียก " บน browser

การตั้งชื่อฟังก์ชัน

สิ่งสำคัญมากในการพิจารณาเมื่อตั้งชื่อฟังก์ชันคือชื่อต้องสั้นแต่มีความหมาย ถ้าฟังก์ชันสร้างส่วนตัวของเพจควรตั้งชื่อเป็น pageheader () หรือ page_header ()

 ข้อจำกัดในการตั้งชื่อคือ

ฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกับฟังก์ชันที่มีอยู่

ชื่อฟังก์ชันสามารถมีได้เพียงตัวอักษรตัวเลข และ underscore

ชื่อฟังก์ชันไม่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวเลข

 หลายภาษายอมให้ใช้ชื่อฟังก์ชันได้อีก ส่วนการทำงานนี้เรียกว่า function overload อย่างไรก็ตาม PHP ไม่สนับสนุน function overload ดังนั้นฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกันกับฟังก์ชันภายใน หรือฟังก์ชันกำหนดเองที่มีอยู่

หมายเหตุ ถึงแม้ว่าทุกสคริปต์ PHP รู้จักฟังก์ชันภายในทั้งหมด ฟังก์ชันกำหนดเองอยู่เฉพาะในสคริปต์ที่ประกาศสิ่งนี้หมายความว่า ชื่อฟังก์ชันสามารถใช้ในคนละไฟล์แต่อาจจะไปสู่ความสับสน และควรหลีกเลียง
การเรียกฟังก์ชันไม่มีผลจากชนิดตัวพิมพ์ ดังนั้นการเรียก function_name (), Function_Name() หรือ FUNCTION_NAME() สามารถทำได้และมีผลลัพธ์เหมือนกัน แต่แบบแผนการกำหนดชื่อฟังก์ชันใน PHP ให้ใช้ตัวพิมพ์เล็ก

ชื่อฟังก์ชันแตกต่างจากชื่อตัวแปร โดยชื่อตัวแปรเป็นชนิดตัวพิมพ์มีผล ดังนั้น $Name และ $name เป็น 2 ตัวแปร แต่ Name () และ name () เป็นฟังก์ชันเดียวกัน

 การเรียกฟังก์ชัน

เมื่อฟังก์ชันได้รับการประกาศหรือสร้างขึ้นแล้ว การเรียกฟังก์ชันสามารถเรียกมาจากที่ใดๆ ภายในสคริปต์ หรือ จากไฟล์ที่มีการรวมด้วยประโยคคำสั่ง include() หรือ require()